เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ กลิ่นอายของอดีต

เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ กลิ่นอายของอดีต

ชาวอียิปต์โบราณให้ความสำคัญกับน้ำหอม

เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ และเครื่องสำอางเป็นอย่างมาก และภูมิอากาศของอียิปต์ที่มีน้ำเพียงพอและแสงแดดที่เพียงพอ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการผลิตน้ำหอมดอกไม้ นักบวชหญิงอิฮัต ซึ่งเห็นการดมดอกบัว ซึ่งเป็นดอกไม้หอมที่ทรงคุณค่าที่สุดของอียิปต์ มีจุดเด่นในเรื่องความหรูหราอันศักดิ์สิทธิ์: น้ำหอม น้ำมันหอมระเหย และเครื่องสำอางในอียิปต์โบราณ โดยนักอียิปต์วิทยา Lise Manniche พร้อมรูปถ่ายโดยเวอร์เนอร์ ฟอร์มาน (Opus, £24.95, $30.95)

นอกจากแต่งตัวให้ดูดีเป็นที่น่าสนใจแล้วเชื่อว่าทุกคนย่อมต้องฉีดน้ำหอม เพื่อให้มีกลิ่นดี น่าดึงดูด เพราะการรับรู้กลิ่นหอมจากใครต่อใครย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ โดยเฉพาะจากเพศตรงข้ามด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่ จึงไม่แปลกที่ทั้งหญิงชาย ต่างก็มีน้ำหอมไว้ใช้สอยกันคนละขวดสองขวดกันทั้งนั้น แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ขวดน้ำหอมที่อยู่ในกระเป๋าหรือโต๊ะเครื่องสำอางของคุณนั้นมีที่มาอย่างไร เพราะนอกจากเป็นของใช้สำหรับคนเป็นอย่างเราตั้งแต่อดีตแล้ว ยังเป็นสิ่งของเครื่องใช้สำหรับเทพเจ้าและคนตาย! จะเป็นอย่างไรนั้น ประวัติศาสตร์นอกกรอบขอพาคุณมาย้อนดูกันเลย

นักกีฬาชาวกรีกใช้น้ำมันหอมทาก่อนลงแข่งขัน

ภาพจาก Michal Dayagi-Mendels, Perfumes and Cosmetics in the ancient world

     สำหรับประวัติความเป็นมา จากการมีประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ หู ตา จมูก มือ ลิ้น และความต้องการทางด้านความงามของจิดใจมนุษย์หรือที่เรียกว่า สุนทรียภาพนั้น ทำให้มนุษย์สร้างสรรค์สิ่งของเครื่องใช้ที่แสดงถึงการมีสุนทรียภาพด้านต่าง ๆ โดยลำดับ เช่น แต่เดิมในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากที่มนุษย์จะผลิตแต่เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการขั้นพื้นฐานของตัวเองเท่านั้น เช่น เครื่องมือหิน ที่ไว้ใช้ในการสับ ตัด หรือทำอาวุธสำหรับล่าสัตว์ เป็นต้น แต่พอเมื่อเริ่มมีการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมมากขึ้น การประดิษฐ์เครื่องประดับ ซึ่งเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันก็เริ่มเกิดขึ้น เช่น ลูกปัด กำไลหิน กำไลกระดูกสัตว์ เป็นต้น อันแสดงให้เห็นว่ามนุษย์เริ่มมีสุนทรียภาพทางความงามเกิดขึ้น จากการพยายามตกแต่งร่างกายของตนเองให้มีความสวยงามมากขึ้น

     จากสุนทรียภาพเรื่องความงามทางร่างกาย นำมาสู่สุนทรียภาพเรื่องกลิ่น ด้วยเหตุนี้ น้ำหอมจึงถูกผลิตขึ้นมา โดยน้ำหอมมีที่มาไม่แน่ชัด แต่ข้อมูลที่ทำให้ทราบว่า น้ำหอมมีการใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณแล้วนั้นมาจากหนังสือ The Histories  อันเป็นบันทึกของเฮโรโดตัส นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก ซึ่งมีชีวิตระหว่าง 490-480     ก่อนคริสตศักราช ผู้ที่ได้ท่องเที่ยวไปยังดินแดนต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ทั้งในอียิปต์ เมโสโปเตเมีย ปาเลสไตน์ และตอนใต้ของรัสเซีย

เฮโรโดตัส นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก 

     โดยการบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของผู้คนบริเวณนี้ ทำให้ทราบว่าอารยธรรมโบราณในแถบคาบสมุทรทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีการผลิตและใช้น้ำหอมกัน เช่น ในอารยธรรมบาบิโลน “คนบาบิโลนไว้ผมยาว โพกผ้าพันศีรษะ และพรมน้ำหอมตลอดทั้งตัว  ในอารยธรรมอียิปต์โบราณ “คนอียิปต์นำน้ำมันจากต้นละหุ่งในการนำมาบำรุงผิว และนำไปเป็นน้ำมันสำหรับจุดไฟเพื่อให้มีกลิ่นหอม” ในดินแดนอารเบีย “ชาวอารเบียนำซินนามอน เลดานอนหรือลาดานัม มาทำเป็นส่วนผสมของน้ำหอม”

    โดยอารยธรมอียิปต์โบราณ เป็นอารยธรรมที่มีการใช้น้ำหอมเก่าแก่ที่สุด คือ ตั้งแต่ 2686 – 1650 ปีก่อนคริสตศักราช ในสมัยราชวงศ์ Old Kingdom – New Kingdom เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบ อันแสดงให้เห็นถึงการใช้น้ำหอมที่มีอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ภาพวาดในสุสาน แสดงถึงกรรมวิธีในการผลิตน้ำหอม ในสมัยราชวงศ์ Old Kingdom และ Middle Kingdom ขวดน้ำหอม ซึ่งถูกถวายเป็นของอุทิศในโลกหลังความตายในสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมน สมัยราชวงศ์ New Kingdom เป็นต้น

ภาพการผลิตน้ำหอมในอารยธรรมอียิปต์โบราณ 

ภาพจาก  Michal Dayagi-Mendels, Perfumes and Cosmetics in the ancient world

     การใช้น้ำหอมในอารยธรรมอียิปต์โบราณ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้อารยธรรมโบราณอื่นในคาบสมุทรทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีการใช้น้ำหอมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากอารยธรรมอียิปต์โบราณตั้งอยู่ในแถบคาบสมุทรทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ได้เกิดอารยธรรมโบราณต่าง ๆ นี้มากมาย การใช้น้ำหอมอย่างแพร่หลายของชาวอียิปต์โบราณ จึงอาจส่งผลให้อารยธรรมโบราณเหล่านี้ ได้รับอิทธิพลในการใช้น้ำหอม โดยอารยธรรมร่วมสมัยที่มีหลักฐานทางโบราณคดีแสดงถึงการใช้น้ำหอม เช่น อารยธรรมเมโสโปเตเมีย ปรากฏหลักฐานคือ แผ่นจารึกอักษรคูนิฟอร์มซึ่งกล่าวถึงชื่อนักทำน้ำหอม นามว่า Tapputi ในราว 2,000 ปีก่อนคศ.

     การใช้น้ำหอมยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ในอารยธรรมสมัยต่อ ๆ มาในคาบสมุทรทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่น ในอารยธรรมกรีกโบราณ มีหลักฐานทางโบราณคดีคือ ภาพเขียนบนภาชนะดินเผา แสดงถึงรูปนักกีฬาใช้น้ำมันที่มีกลิ่นหอมทาก่อนลงทำการแข่งขัน ในอาณาจักรโรมัน การใช้น้ำหอมมักใช้เป็นอุปกรณ์หนึ่งในการอาบน้ำ โดยเมื่อชาวมุสลิมคิดค้นวิธีการผลิตน้ำหอม เป็นวิธีการกลั่นจากดอกไม้ ซึ่งทำให้สามารถผลิตน้ำหอมในปริมาณมากขึ้นได้ในยุคกลาง และน้ำหอมเป็นที่รู้จักของชาวยุโรป เมื่อแคทเธอรีน เดอ เมคิชี่ (Catherine de Medici) เดินทางจากเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี  เพื่อแต่งงานกับเจ้าชายแห่งประเทศฝรั่งเศส ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 การใช้น้ำหอมก็เริ่มขยายวงกว้างขึ้น ก่อนจะเป็นที่นิยมไปทั่วโลก เมื่อนักเคมีได้ทำการสังเคราะห์นํ้าหอมจากสารเคมีจนได้กลิ่นต่าง ๆ มากมายหลายพันกลิ่น ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้สำเร็จ เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์